การมัดผมจุกของผู้ชายในชุมชน กุยเลอตอ หรือกลุ่มฤาษี เป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงความเชื่อและการดูแลรักษาธรรมชาติ ชายชาวกุยเลอตอจะเริ่มไว้ผมยาวเมื่ออายุประมาณ 2-3 ปี จนสามารถมวยผมมัดจุกได้ ซึ่งการไว้ผมยาวและมัดจุกนี้เปรียบเสมือนการดูแลรักษาป่า
ความเชื่อที่เชื่อมโยงกับการอนุรักษ์ป่า
- การไว้ผมยาว เปรียบเหมือนการปกป้องต้นไม้ในป่า หากไม่มีผมก็เหมือนกับป่าที่ไม่มีต้นไม้ ซึ่งเมื่อฝนตกจะทำให้ป่าไม่มีสิ่งปกคลุม ก่อให้เกิดน้ำท่วม เช่นเดียวกับคนที่หัวล้าน หากไม่มีผมฝนตกก็ทำให้ศีรษะเปียก การไว้ผมมวยจุกจึงเป็นสัญลักษณ์ของการรักษาป่าและสายน้ำ เพื่อไม่ให้ป่าเสียหาย
- การสร้างจิตสำนึกอนุรักษ์ป่า: การมวยผมจุกนี้ยังถือเป็นกุศโลบายในการสอนเยาวชนให้เห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ธรรมชาติ ไม่ตัดไม้ทำลายป่า และใช้ชีวิตตามวิถีชุมชนที่ยึดหลักการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน
วิถีชีวิตที่ยึดมั่นในธรรมชาติ
- ชาวกุยเลอตอเชื่อว่า “ถ้าไม่มีป่าก็ไม่มีน้ำ” และ “ถ้าไม่มีน้ำก็ไม่มีชีวิต” การรักษาป่าจึงมีความสำคัญอย่างมากสำหรับการดำรงชีวิตของชุมชน
- ชาวบ้านมีการรวมกลุ่มกันดูแลและตรวจสอบป่า เพื่อป้องกันการลักลอบตัดไม้ รวมถึงกำหนดระเบียบในการใช้ป่า เช่น ไม่ถางป่าเพิ่มเพื่อปลูกข้าวโพด และไม่ใช้สารเคมีในการทำเกษตร เนื่องจากกลุ่มชาวบ้านนี้เป็น “กลุ่มคนต้นน้ำ” หากพวกเขาไม่ดูแลน้ำ คนกลางน้ำและปลายน้ำจะได้รับผลกระทบ
ความเชื่อของฤาษีเกี่ยวกับการไว้ผมยาว
- นายปรีชา ศรีกนกสายชล เล่าว่า ร่างกายของมนุษย์ประกอบด้วยเนื้อ เลือด เส้นผม และกระดูก เปรียบได้กับป่าที่ประกอบด้วยต้นไม้ ลำน้ำ และสัตว์ต่าง ๆ หากป่าถูกตัดทำลายก็เหมือนกับคนที่ไม่มีเส้นผม ซึ่งทำให้ป่ากลายเป็น “ป่าหัวโล้น”
- ฤาษีในชุมชนเชื่อว่าการไว้ผมยาวนั้นเหมือนกับการรักษาป่า การตัดผมก็เปรียบเสมือนการตัดต้นไม้ ดังนั้นฤาษีจึงไม่ตัดผม แต่จะมวยผมมัดจุกไว้กลางศีรษะเพื่อแสดงถึงความศรัทธาและการปกป้องผืนป่าให้อยู่คู่กับชุมชนตลอดไป
การมัดผมจุกของผู้ชายในชุมชนกุยเลอตอไม่เพียงเป็นประเพณีที่สืบทอดมายาวนาน แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความรักและความเคารพต่อธรรมชาติ และเป็นตัวอย่างที่ดีในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าของชุมชนให้คนรุ่นหลังได้ปฏิบัติตาม